homeremediesforeverything.org
1 สินค้าที่ได้มาทั้งหมดหรือผลิตขึ้นทั้งหมดในประเทศสมาชิกผู้ส่งออก มีรหัสเรียกว่า WO 4. 2 มีการผลิตในประเทศผู้ส่งออกที่เป็นภาคีโดยใช้วัตถุที่ได้ถิ่นกำเนิดในประเทศภาคีใดภาคีหนึ่งหรือมากกว่านั้น หรือ 4. 3 มีการผลิตในประเทศผู้ส่งออกที่เป็นภาคี โดยใช้วัสดุนำเข้าจากประเทศอื่นที่ไม่ใช่ภาคี โดยกระบวนการผลิตจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดที่กำหนดในภาคผนวก 3 เอ ซึ่งมีข้อกำหนดเป็นรายสินค้าโดยสินค้าแต่ละประเภทพิกัด ก็จะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน 5 กฎเฉพาะรายสินค้า ตามที่กำหนดในภาคผนวก 3 เอ ซึ่งก็คือเงื่อนไขการปฏิบัติต่อสินค้าเพื่อให้ได้ถิ่นกำเนิด มีดังนี้ 5. 1 สินค้าต้องมีสัดส่วนมูลค่าการผลิตในภูมิภาคนี้( RVC) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 มีรหัสเรียกว่า RVC40 มีวิธีการคำนวณตามที่กำหนดใน ข้อ 3. 5 ของความตกลงกล่าวโดยสรุปคือหากมีการใช้วัสดุนำเข้าจากต่างประเทศที่ไม่ใช่ประเทศภาคี การผลิตสินค้านั้นต้องมีมูลค่าการผลิตที่เป็นของภูมิภาคนี้เป็นสัดส่วน 40% ของมูลค่าสินค้านั้น ความตกลง RCEP ข้อ 3. 4 ยอมรับหลัก การสะสมถิ่นกำเนิด ( Cumulation) ในกรณีนี้หากผู้ผลิตไทยนำเข้าวัสดุหรือสินค้าที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศภาคีสมาชิกไม่ว่าจากประเทศใดกี่ประเทศก็ตามมาใช้เป็นชิ้นส่วนหรือวัสดุในการผลิตหรือประกอบเป็นสินค้า จนเป็นสินค้าสำเร็จรูปในประเทศไทยแล้วส่งออกไปยังประเทศสมาชิก จะถือได้ว่าสินค้านั้นมีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย และหากเป็นสินค้าที่อยู่ในรายการได้รับสิทธิลดหย่อนหรือยกเว้นอากร ตามที่กำหนดในตารางข้อผูกพันทางภาษีของประเทศนั้น.
ปัจจุบันประเทศสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) จำนวน 15 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน 10 ประเทศ กับคู่เจรจาอีก 5 ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ที่ได้มีการลงนามความตกลงผ่านระบบประชุมทางไกล เมื่อวันที่ 15 พ. ย. 2563 ที่ผ่านมา กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการภายใน ก่อนยื่นให้สัตยาบันไปยังเลขาธิการอาเซียน ซึ่งเป็นเลขาธิการ RCEP โดยประเทศไหนเสร็จสิ้นกระบวนการก่อน ก็สามารถยื่นได้ก่อน แต่การจะมีผลบังคับใช้ มีเงื่อนไขว่า กลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ ต้องให้สัตยาบันอย่างน้อย 6 ประเทศ และนอกประเทศอาเซียน 5 ประเทศ ต้องไม่น้อยกว่า 3 ประเทศ เท่ากับ 6 บวก 3 เป็น 9 ประเทศ ถึงจะถือว่ามีการให้สัตยาบัน RCEP และบังคับใช้ได้ต่อไป โดยตามเป้าหมายน่าจะเป็นสิ้นปี 2564 และเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม. ค.
2 พันล้านคน หรือเกือบ 30% ของประชากรโลก มี GDP รวมกันกว่า 26. 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 817. 7 ล้านล้านบาท) หรือประมาณ 30% ของ GDP โลก และมีมูลค่าการค้ารวมกว่า 10. 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 326 ล้านล้านบาท) หรือคิดเป็นเกือบ 28% ของมูลค่าการค้าโลก ซึ่งเมื่อมองแล้วถือเป็นตลาดที่ใหญ่สุดในโลก ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ว่า RCEP จะส่งผลต่อการค้า และการลงทุนไทย ออกเป็น 2 ประเด็นหลัก ดังนี้ ประเด็นที่ 1 RCEP เป็นความตกลงที่เปิดกว้างที่สุด และมีมาตรฐานด้านต่าง ๆ สูงเท่าที่ไทยเคยมีมา โดยเฉพาะเป้าหมายการลดภาษีสินค้าสูงที่สุดถึง 99% ของจำนวนสินค้าทั้งหมด นับว่าสร้างโอกาสให้กับสินค้าไทยทำตลาดได้มากขึ้นจากความตกลงเดิมที่มีอยู่ โดยปัจจุบันไทยส่งออกไปตลาดนี้มีมูลค่า 9. 18 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ (ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2563) คิดเป็นร้อยละ 53.
1 ตอน รู้รอบข้อตกลง RCEP EP. 2 ตอน รู้ลึกการค้าสินค้าใน RCEP EP. 3 ตอน ติดอาวุธ เสริมเกราะเจาะตลาด RCEP EP. 4 ตอน RCEP เชื่อมไทยสู่โลกสู้โควิด EP. 5 ตอนโอกาสบริการลงทุนใน RCEP: ทำอย่างไรให้ปัง! และ EP. 6 ตอน ถอดรหัส! ทรัพย์สินทางปัญญา ใน RCEP โดยผู้ที่สนใจสามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ เพจ "กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ" และ "DTNChannel" กดอ่าน ความตกลง RCEP
สั่ง ซื้อ ของ โลตัส, 2024