homeremediesforeverything.org
การเกิดเมล็ด หลังจากเกิดการปฏิสนธิซ้อน (Double fertilization) ส่วนออวูุลเจริญไปเป็นเมล็ด ซึ่งภายในประกอบด้วยเอ็มบริโอและเอนโดสเปิร์ม โดยมีเปลือกหุ้มเมล็ดล้อมรอบ ส่วนประกอบของเมล็ด อาจแยกออกเป็น 3 ส่วนดังนี้ 1. เปลือกหุ้มเมล็ด (Seed coat หรือ Testa) ทำหน้าที่ป้องกันส่วนต่างๆ ที่บอบบางในเมล็ด เมื่อเมล็ดหลุดออกจากก้านจะเห็นเป็นรอยแผลเป็นเล็กๆ เรียกว่า ไฮลัม (Hilum) มะพร้าว มีเนื้อมะพร้าวและน้ำมะพร้าวเป็นส่วนของเอนโอสเปิร์ม 2. เอนโดสเปิร์ม ( Endosperm) เป็นอาหารสะสมสำหรับเอ็มบริโอส่วนใหญ่เป็นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต มีโปรตีน และไขมันปะปนอยู่ด้วย พบในเมล็ดของพืชใบเลี้ยงคู่บางชนิด เช่น ละหุ่ง ซึ่งมีเอนโดสเปิร์มแข็ง ส่วนเมล็ดของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวบางชนิด เช่น มะพร้าว มีเอนโดสเปิร์มทั้งของแข็งและเหลว คือ เนื้อมะพร้าว และน้ำมะพร้าว ในเมล็ดถั่วเอนโดสเปิร์มจะรวมสะสมอยู่ในใบเลี้ยงจึงเห็นได้ว่าเมล็ดถั่วสามารถแกะแยกออกเป็น 2 ซีกได้ โดยง่ายแต่ละซีกนั้น คือ ใบเลี้ยง ส่วนประกอบต่างๆ ของเมล็ดพืชใบเลี้ยงคู่ 3. เอ็มบริโอ ( Embryo) คือส่วนที่จะเจริญเติบโตเป็นต้นไม้ต่อไป ส่วนนี้ประกอบด้วยส่วนย่อย ๆ หลายส่วนคือ 1.
เอ็มบริโอ (ดูหัวข้อที่ 18) ที่พักตัว หรือสปอโรไฟต์ชั่วรุ่นที่สอง ส่วนนี้ทำหน้าที่ขยายพันธุ์ 2. อาหารสะสม อาจจะเป็นเอนโดสเปิร์ม (ดูหัวข้อที่ 17) ที่อาจมีหรือไม่มีเพอริสเปิร์ม (perisperm) อยู่ด้วย ส่วนเอ็นโดสเปิร์มนี้อยู่นอกเอ็มบริโอ หรืออาหารสะสมอาจอยู่ในใบเลี้ยง ที่เป็นส่วนหนึ่งของเอ็มบริโอก็ได้ อาหารสะสมนี้ทำหน้าที่สนับสนุนการเจริญเติบโตของเอ็มบริโอ 3. เปลือกเมล็ด (seed coat) มีความบางกว่าผนังออวุล (integument; ดูหัวข้อที่ 11) ที่เป็นต้นกำเนิด แต่มีความแข็งกว่ามากและมักกันน้ำได้ดี เป็นสปอโรไฟต์ชั่วรุ่นที่หนึ่ง โดยอาจมาจากผนังออวุลหนึ่งชั้นหรือหลายชั้นก็ได้ ส่วนนี้ทำหน้าที่ป้องกันเอ็มบริโอที่อยู่ภายใน เมล็ดมีคุณค่าต่อการอยู่รอดของพืช เมื่อพิจารณาในแง่วิวัฒนาการ ดังนี้ 1. เมล็ดเป็นพัฒนาการทางวิวัฒนาการที่น่าสนใจที่สุดของพืชที่มีท่อน้ำท่ออาหาร 2. เมล็ดมีโอกาสมากกว่าสปอร์ของพืชไร้ดอกและไร้เมล็ด ในแง่การอยู่รอดและการสร้างพืชรุ่นใหม่ 3. การงอกของเมล็ดก็คือการเจริญเติบโตต่อไปของเอ็มบริโอ 4. เมล็ดคล้ายสปอร์ในแง่ที่สามารถแพร่กระจายได้ง่าย ไม่ว่าจะในรูปเมล็ดเดี่ยวๆที่เป็นลักษณะดึกดำบรรพ์ หรืออยู่ภายในผลที่เป็นลักษณะก้าวหน้า สัณฐานวิทยาภายนอกของเมล็ด โดยทั่วไปเป็นดังนี้ 1.
ผลเดี่ยว ( simple fruit) คือผลที่เกิดมาจากรังไข่อันเดียวในดอกเดียวกัน ดอกอาจเป็นดอกเดี่ยวหรือดอกช่อก็ได้ โดยลักษณะของดอกเดี่ยวที่จะกลายเป็นผลเดี่ยวนั้น จะ ต้องเป็นดอก 1 ดอก และมีรังไข่ 1 อัน เช่น ผลส้ม มะเขือ ฟักทอง แอปเปิ้ล 2. ผลกลุ่ม ( aggregate fruit) คือ ผลที่เกิดจากรังไข่หลายรังไข่หรือกลุ่มของรังไข่ ในดอกเดียวกันของดอกเดี่ยว รังไข่แต่ละอันก็จะกลายเปนผลย่อยหนึ่งผล เช่น ผลน้อยหน่า สตรอเบอรี เป็นต้น 3.
เอนโดสเปิร์ม ( Endosperm) เป็นอาหารสะสมสำหรับเอ็มบริโอส่วนใหญ่เป็นอาหารประเภทแป้ง หรือคาร์โบไฮเดรต มีโปรตีนและไขมันปะปนอยู่ด้วย พบในเมล็ดของพืชใบเลี้ยงคู่บางชนิด เช่น ละหุ่ง ซึ่งมีเอนโดสเปิร์มแข็ง ส่วนเมล็ดของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวบางชนิด เช่น มะพร้าว มีเอนโดสเปิร์มทั้งของแข็งและเหลว คือ เนื้อมะพร้าว และน้ำมะพร้าว ในเมล็ดถั่วเอนโดสเปิร์มจะรวมสะสมอยู่ในใบเลี้ยงจึงเห็นได้ว่าเมล็ดหถั่วสามารถแกะแยกออกเป็น 2 ซีก ได้โดยง่ายแต่ละซีกนั้น คือ ใบเลี้ยง 3. เอ็มบริโอ ( Embryo) คือส่วนที่จะเจริญเติบโตเป็นต้นไม้ต่อไป ส่วนนี้ประกอบด้วยส่วนย่อย ๆ หลายส่วนคือ 1. ใบเลี้ยง ( Cotyledon) ในพืชใบเลี้ยงคู่มี 2 ใบ และในพืชใบเลี้ยงเดี่ยวมีเพียงใบเดียว ใบเลี้ยงนี้จะไม่ทำการสังเคราะห์ด้วยแสงและไม่เจริญเติบโตต่อไป 2. เอพิคอทิล ( Epicoty) ส่วนที่อยู่เหนือตำแหน่งใบเลี้ยง เมื่อเมล็ดงอกเป็นต้นพืชส่วนนี้จะกลายเป็นลำต้น ใบ และดอกของพืช 3. ไฮโพคอทิล ( Hypocoty) เป็นส่วนที่อยู่ใต้ตำแหน่งใบเลี้ยงลงมา เมื่อเจริญเติบโตต่อไปส่วนนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของลำต้น 4. แรดิเคิล ( Radicle) ส่วนนี้อยู่ถัดจากส่วนของลำต้น คือ อยู่ใต้ไฮโพคอทิลลงมา ต่อไปจะเจริญไปเป็นรากแก้ว ซึ่งในพืชใบเลี้ยงเดี่ยวจะมีรากแก้วอยู่ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ หลังจากนั้นจะเป็นรากฝอย ซึ่งต่างจากพืชใบเลี้ยงคู่ที่มีรากแก้วอยู่ตลอด สำหรับในเมล็ดพืชใบเลี้ยงเดี่ยวเมื่อผ่าดูจะพบเยื่อหุ้มแรดิเคิล ( Coleorhiza) กับเยื่อหุ้มเอพิคอทิล ( Coleoptil) เป็นส่วนป้องกันอันตรายแก่ส่วนที่หุ้มเอาไว้ บางคนอธิบายว่าส่วนทั้งสองนี้ คือ ส่วนของใบเลี้ยงอีกใบหนึ่งของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งตำแหน่งและหน้าที่ รวมทั้งใบเลี้ยงอีกใบหนึ่งที่เหลือนั้นมักจะเรียกชื่อใหม่ว่า สคิวเตลลัม ( Scutellum)
ใบเลี้ยง (Cotyledon) ในพืชใบเลี้ยงคู่มี 2 ใบ และในพืชใบเลี้ยงเดี่ยวมีเพียงใบเดียว ใบเลี้ยงนี้จะไม่ทำการสังเคราะห์ด้วยแสงและไม่เจริญเติบโตต่อไป 2. เอพิคอทิล (Epicotyl) ส่วนที่อยู่เหนือตำแหน่งใบเลี้ยง เมื่อเมล็ดงอกเป็นต้นพืชส่วนนี้จะกลายเป็นลำต้น ใบ และดอกของพืช 3. ไฮโพคอทิล (Hypocotyl) เป็นส่วนที่อยู่ใต้ตำแหน่งใบเลี้ยงลงมา เมื่อเจริญเติบโตต่อไปส่วนนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของลำต้น 4. แรดิเคิล (Radicle) ส่วนนี้อยู่ถัดจากส่วนของลำต้น คือ อยู่ใต้ไฮโพคอทิลลงมา ต่อไปจะเจริญไปเป็นรากแก้ว ซึ่งในพืชใบเลี้ยงเดี่ยวจะมีรากแก้วอยู่ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ หลังจากนั้นจะเป็นรากฝอย ซึ่งต่างจากพืชใบเลี้ยงคู่ที่มีรากแก้วอยู่ตลอด Pages: 1 2
ผนังออวุลชั้นนอกเท่านั้น เช่นเมล็ดพืชวงศ์ถั่ว และวงศ์แตง ในการที่เนื้อเยื่อผนังออวุลจะมีส่วนมากหรือน้อยในการสร้างเปลือกเมล็ดนั้น มีความแปรปรวนเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ผนังออวุลมักจะมีการเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้เสมอ คือ 1) ความหนาลดลงมากจนเท่าเปลือกเมล็ด นั่นคือ มีการสูญเสียชั้นเซลล์หลายชั้น และ 2) ชั้นเซลล์บางส่วนจัดตัวไม่เหมือนเดิม ความแปรปรวนของเปลือกเมล็ด ที่พบได้ทั่วไป มีดังนี้ 1. อาจเป็นเนื้อเยื่อสดหรือแห้งก็ได้ 2. จำนวนและความหนาของผนังออวุลมีหลากหลาย 3. มีความแตกต่างในระดับการเสื่อมสลายของผนังออวุลบางส่วน ในระหว่างการพัฒนาของเปลือกเมล็ด 4. รูปแบบท่อลำเลียงของผนังออวุลที่มีกำเนิดมาจากระบบท่อลำเลียงของออวุล 5. มีเซลล์ประเภทต่างๆในเปลือกเมล็ด 6. อาจพบขน (trichome) ที่พัฒนามาจากเนื้อเยื่อชั้นผิวของผนังออวุลชั้นนอกในพืชที่อยู่ในบางหน่วยอนุกรมวิธาน (taxon) ประโยชน์ของความแปรปรวนของเปลือกเมล็ดก็คือ นักวิชาการใช้ในการศึกษาการจัดหมวดหมู่ เนื่องจากว่าลักษณะเหล่านี้ค่อนข้างคงที่ เนื่องจากมีความแปรปรวนในเรื่องนี้มาก จึงขอยกตัวอย่างเปลือกเมล็ดของพืชหนึ่งวงศ์ในการศึกษารายละเอียด คือ วงศ์ Fabaceae หรือ ถั่ว (ดูภาพที่ 66) เช่นถั่วเหลือง ที่มีเปลือกเมล็ดพัฒนามาจาก 1.
การเกิดเมล็ด การปฏิสนธิของพืชดอกเกิดขึ้นภายในรังไข่ทำให้เกิดไซโกต และเอนโดสเปิร์ม จากนั้นไซโกตก็จะแบ่งเซลล์ ์เพิ่มจำนวนมากขึ้น เพื่อพัฒนาเป็นเอ็มบริโอต่อไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของเอ็มบริโอ และอัตราการแบ่งเซลล์ รวมทั้งขนาดของเซลล์ที่ได้จากการแบ่งแต่ละบริเวณของเอ็มบริโอไม่เท่ากัน ส่วนประกอบของเมล็ด เมล็ด คือ ออวุลที่เจริญเติบโตเต็มที่ประกอบด้วยเอ็มบริโอที่อยู่ภายใน เปลือกหุ้มเมล็ดอาจมีเนื้อเยื่อสะสมอาหารอยู่ภายในเมล็ดด้วย เมล็ดประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้ 1. เปลือกหุ้มเมล็ด เป็นส่วนที่อยู่นอกสุดของเมล็ดเจริญเติบโตมาจากเนื้อเยื่อชั้นนอกสุดของออวุล ทำหน้าที่ป้องกันอันตรายต่างๆ ให้แก่เอ็มบริโอที่อยู่ภายในเมล็ด เช่น ป้องกันไม่ให้จุลินทรีย์เข้าไปในเมล็ด ซึ่งจะทำให้เมล็ดไม่สามารถงอกได้ นอกจากนั้นเปลือกหุ้มเมล็ดยังมีสารพวกไขเคลือบอยู่ทำให้ลดการสูญเสียน้ำได้ด้วย 2.
Reviewed by Kru P' Bank on วันศุกร์, มกราคม 29, 2559 Rating: 5
คาร์โบไฮเดรต เป็นสารอาหารส่วนใหญ่ที่อยู่ในเมล็ดพืช อาจสะสมอยู่ในรูปแป้งหรือน้ำตาล ซึ่งนำไปสร้างเซลลูโลสเป็นสารที่สร้างผนังเซลล์ 2. โปรตีน เมล็ดพืชทุกชนิดมีโปรตีนสะสมอยู่ แต่มีปริมาณไม่เท่ากัน พืชนำไปสร้างโพรโทพลาซึม (protoplasm) 3. ไขมัน และน้ำมัน มีปริมาณมากน้อยแล้วแต่ชนิดของพืช เอ็มบริโอ (embryo) เป็นส่วนที่จะเจริญไปเป็นต้นพืชเอ็มบริโอเกิดจากการผสมกันระหว่างเซลล์ไข่และเซลล์สเปิร์ม
สั่ง ซื้อ ของ โลตัส, 2024